วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

แผนพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นบุคคลร่วมสมัย

     คำแนะนำก่อนการใช้แผนฯ
     ๑. ใช้ได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น
     ๒. บิดามารดาต้องมีส่วนร่วมในการใช้แผนด้วย สำหรับในช่วงชีวิต ๒๐ ปีแรกของบุตรธิดา
     ๓. ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ในกรณีที่บุคคลใดไม่ใส่ใจในการปฏิบัติตามแผนนี้   แต่ต้องยอมรับว่า  อาจถูก "ดูหมิ่น"   "ดูถูก"   "กระแนะกระแหน"   '"เหยียดหยาม"   ฯลฯ   จากผู้คนรอบข้างส่วนใหญ่ในสังคม และอาจถูกตีตราว่าเป็นพวก "แอ๊บ" (Abnormal person)ได้
     ๔. ผู้เขียนไม่แน่ใจในคุณประโยชน์อันแท้จริงของแผนนี้   คาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย ในการเข้าสังคมจอมปลอมอย่างเช่นสังคมไทยในปัจจุบัน (โดยเฉพาะในกลุ่มพวกไฮโซไซตี้)
     ๕. เป็นตัวคุณเองนั่นแหละ.....ดีที่สุด
     ๖. กิ้งก่าเปลี่ยนสีได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
     ๗.กิ้งก่าเปลี่ยนสีช่วยหลอกศัตรู   แต่มนุษย์เปลี่ยนสี ทำได้แค่ "หลอกตัวเอง" เท่านั้น


     สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน   ในครั้งนี้   ผมมี "แผน" ที่น่าสนใจมาเสนอต่อท่านเป็นแผนที่มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย   ก่อนอื่นนั้น   ท่านควรต้องรู้จักคำว่า "กระแส" และ "ร่วมสมัย" เสียก่อน
     "กระแส" มีความสำคัญมากในสังคมไทย   เพราะการปฏิบัติตัว "ตามกระแส" จะทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับในสังคม  เพราะการ "ตามกระแส" เป็นการกระทำของ "ชนกลุ่มใหญ่" ในสังคม   แต่ถ้าท่านปฏิบัติตัว "ทวนกระแส" แล้ว   ท่านก็อาจจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น
     ส่วนการเป็นบุคคลร่วมสมัย  หมายถึง   การปฏิบัติตัวได้กลมกลืนกับผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในยุคสมัยนั้น   ดังนั้น   อาจกล่าวได้ว่า   คำว่า "ร่วมสมัย" นั้นใกล้เคียงกับคำว่า "ตามกระแส" มาก   เราลองมาดูกันว่า   ควรปฏิบัติตัวอย่างไร   จึงจะได้ชื่อว่าเป็น "บุคคลร่วมสมัย"

     หมวดที่ ๑.   ข้อปฏิบัติสำหรับบิดามารดา เพื่อให้บุตรธิดาเป็นบุคคลร่วมสมัย
     ๑.๑. คลอดบุตรโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องที่โรงพยาบาลเอกชน
     ๑.๒. ให้ลูกดื่มน้ำนมแม่น้อยๆ   และดื่มนมผสมมากๆ 
     ๑.๓. จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเลี้ยงลูก   และให้เวลาในการเลี้ยงลูกตัวเองน้อยกว่าพี่เลี้ยง
     ๑.๔. ให้ลูกเรียนพิเศษก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล
     ๑.๕. เลือกโรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศให้ลูกเข้าเรียน
     ๑.๖. เริ่มฝึกให้ลูกเล่นกีฬาในช่วงก่อนอายุ ๕ ปี เฉพาะประเภทต่อไปนี้
             ก.ว่ายน้ำ
             ข.เทนนิส
     ๑.๗. เริ่มฝึกให้ลูกเรียนดนตรีหรือการแสดงในช่วงก่อนอายุ ๕ ปี เฉพาะประเภทต่อไปนี้
             ก. เปียนโน
             ข. อิเลคโทน
             ค. บัลเลต์
     ๑.๘. บำรุงบำเรอลูกด้วยของเล่นราคาแพง
     ๑.๙. ให้ลูกเรียนพิเศษก่อนเข้าโรงเรียนระดับประถมศึกษา
     ๑.๑๐.เลือกโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ให้ลูกเข้าเรียน และยิ่งถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติได้ก็ยิ่งดี
     ๑.๑๑.เริ่มฝึกให้ลูกเล่นกีฬาในช่วงอายุ ๕-๑๕ ปี เฉพาะประเภทต่อไปนี้
               ก. ขี่ม้า
               ข. กอล์ฟ
               ค. เจทสกี
     ๑.๑๒.ให้ลูกเรียนพิเศษก่อนเข้าโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
     ๑.๑๓.เลือกโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับประเทศให้ลูกเข้าเรียน และยิ่งถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติได้ก็ยิ่งดี
     ๑.๑๔.ถ้าไม่เลือกข้อ ๑.๑๓.แล้ว   ก็ต้องส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับ high school โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา   อังกฤษ   หรือ ออสเตรเลีย
     ๑.๑๕.ให้ลูกเรียนพิเศษก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
     ๑.๑๖.เลือกมหาวิทยาลัยปิดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ   และคณะที่เป็นที่นิยมให้ลูกเข้าเรียน
     ๑.๑๗.ถ้าเลือกมหาวิทยาลัยเอกชน   ให้เลือกเฉพาะมหาวิทยาลัยกรุงเทพ   มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย   มหาวิทยาลัยรังสิต   และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
     ๑.๑๘.ถ้าไม่เลือกข้อ ๑.๑๖. หรือ ๑.๑๗.แล้ว   ก็ต้องส่งลูกไปเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ และพยายามประกาศให้คนอื่นรู้ด่วยว่า   ลูกตัวเองไปเรียนต่างประเทศแล้ว

     หมวดที่ ๒   ข้อปฏิบัติสำหรับบุตรธิดา เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
     ๒.๑. เลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์   อักษรศาสตร์   บริหารธุรกิจ   และถ้าเป็นหลักสูตรนานาชาติแล้ว จะดีมาก
     ๒.๒. ถ้าผู้ใหญ่ถามเกี่ยวกับการเลือกสาขาที่เรียน   ก็ต้องตอบว่า   เลือกสาขาด้วยตัวเองเสมอ   ไม่ได้เลือกตามที่พ่อแม่ขอ หรือสั่งให้เลือก
     ๒.๓. เลือกเรียนสาขาที่ทำเงินได้มาก   แต่เป็นงานที่สบาย
     ๒.๔. เลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวเฉพาะยี่ห้อ BMW, HONDA และ TOYOTA
     ๒.๕. ผู้หญิงต้องใส่ชุดนักศึษาเป็นเสื้อรัดรูปแขนสั้นๆ   กระโปรงรัดรูปสั้นเหนือเข่า ย้อมผมสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำ   ไม่ใส่แว่นตา   ใช้เลนส์สัมผัส หรือไม่ก็ทำเลสิกไปเลย  ใส่รองเท้าส้นตึก หรือรองเท้าแตะพื้นบางๆ   มือขวา หรือไหล่ขวาให้ถือ หรือสะพายกระเป๋าใบละ ๓๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป   มือซ้ายถือโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด   และพยายามใช้โทรศัพท์ในบริเวณที่มีคนพลุกพล่านให้มากที่สุด   ยิ่งเดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วยแล้ว จะเท่สุดสุด    และขอย้ำว่า  ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างต้องแบรนด์เนมเท่านั้น
     ๒.๖. ผู้ชายต้องใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว   กางเกงสแลคเนื้อผ้าและลายเท่ๆ   รองเท้าคัตชูขัดมัน   และนาฬิกาแบบสปอร์ต   เสื้อผ้าให้ใช้แบรนด์แนมทุกชิ้น
     ๒.๗. ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟน   และพยายามใช้โทรศัพท์ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน
     ๒.๘. ต้องขับรถยนต์ให้เป็น   โดยที่แก้ปัญหาเกี่ยวกับรถไม่เป็นเลยก็ไม่เป็นไร   และไม่ควรขี่จักรยานเป็น
     ๒.๙. เลือกฟังเพลงไทยเฉพาะของค่ายแกรมมี่   และอาเอสโปรโมชั่นเท่านั้น   ส่วนเพลงสากล   ให้ฟังเฉพาะอัลบั้มรวมฮิตทั้งหลาย,LADY GAGA, TAYLOR SWIFT,BRITNEY SPEAR,ERIC CLAPTON,THE EAGLE   และวงบอยแบนด์ของเกาหลี
     ๒.๑๐.ดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เฉพาะเรื่องที่คนส่วนใหญ่เขาดูกันในแต่ละช่วงเวลา
     ๒.๑๑.เวลามีนัดกับเพื่อนๆ   ให้นัดกันที่สยามสแควร์  สยามเซ็นเตอร์   หรือสยามพารากอน   และไม่ควรไปตรงเวลา(ให้ไปสายเสมอ)
     ๒.๑๒.เลือกชอปปิ้งเฉพาะสถานที่ต่อไปนี้
               ก. สยามสแควร์   สยามดิสคัฟเวอร์รี่เซนเตอร์   สยามพารากอน  และเซนทรัลเวิร์ลเซนเตอร์
               ข. เซนทรัลลาดพร้าว   และเมเจอร์ซินีเพล็กซ์รัชโยธิน
               ค. เซนทรัลปิ่นเกล้า   และเมเจอร์ซินีเพล็กซ์ปิ่นเกล้า
               ง. ดิเอ็มโพเรี่ยม
     ๒.๑๓.เลือกรับประทานมื้อหลัก และอาหารว่างที่...
               ก.โออิชิ   ฟูจิ   หรือร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า
               ข. พิซซ่าฮัท   หรือพิซซ่าคัมพานี
               ค. เอ็มเคสุกี้
               ง. เคเอฟซี
               จ. แมคโดนัล
               ฉ. เอสแอนพี
               ช. กัลปพฤกษ์
               ซ.คริสปี้ครีม
     ๒.๑๔.เวลาคุยกับคนทั่วๆไป ให้บอกว่า   ตัวเองชอบฟุตบอลมาก   แต่ถ้าคุยกับพวกไฮโซ   ให้บอกว่าตัวเองชอบขี่ม้า   หรือตีกอล์ฟ   หรือดำน้ำมากเลยหล่ะ
     ๒.๑๕.ต้องใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็น  และใช้คอมพิวเตอร์ให้พอรู้แค่งูๆปลาๆก็พอ...ไม่ต้องรู้จริง
     ๒.๑๖.ใช้บริการสปอร์ตคลับ หรือฟิตเนส   ไม่ใช้สนามกีฬาธรรมดา
     ๒.๑๗.ใช้แต่ลิฟต์   ไม่เดินขึ้นบันได.
     ๒.๑๘.ข้ามถนนใต้สะพานลอย
     ๒.๑๙.อ่านหนังสือที่มีแต่รูปภาพ   และมีตัวอักษรไม่เกิน ๑๐ เปอร์เซนต์ของพื้นที่หน้ากระดาษทั้งหมด
     ๒.๒๐.เมื่อมีเวลาว่าง  ให้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู   อย่าอ่านหนังสือ
     ๒.๒๑.สำหรับการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด  ให้ไปพัทยา,เกาะเสม็ด,หัวหิน หรือเชียงใหม่ เท่านั้น
     ๒.๒๒.ถ้าคุยกับวัยรุ่น   ให้บอกว่าชอบดื่มสมูตตี้ หรือชาไข่มุก   ถ้าคุยกับผู้ใหญ่   ให้บอกว่าชอบดื่มไวน์
     ๒.๒๓.มีบัตรเครดิตอย่างน้อย ๑ ใบ
     ๒.๒๔.เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทขายตรงอย่างน้อย ๑ บริษัท
     ๒.๒๕.สมัครเข้าประกวดนางแบบ นายแบบ หรือนางงาม อย่างน้อย ๑ งาน(เฉพาะผู้ที่รู้ว่าตัวเองหล่อหรือสวย) 
     ๒.๒๖.ถ้าประสบความสำเร็จจากข้อ ๒.๒๕.แล้ว   ให้พยายามออกอัลบั้มเพลงให้ได้อย่างน้อย ๑ อัลบั้ม(ถึงร้องเพลงไม่เก่ง ก็ไม่เป็นไร)
     ๒.๒๗.ขยันไปเดินตามสถานที่สำคัญ เช่น   สยามเซ็นเตอร์   สยามสแควร์   เซนทรัลเวิร์ลเซ็นเตอร์ ฯลฯ   เพื่อให้'แมวมอง'เห็น
     ๒.๒๘.เข้าสู่วงการบันเทิงตามลำดับขั้นตอน   ดังนี้
               ก.นางแบบ หรือนายแบบโฆษณา
               ข.พระเอก หรือนางเอกมิวสิควิดีโอ
               ค.ประกวดนายแบบ หรือนางแบบ หรือนางงาม
               ง.ดารานักแสดง(ละครโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์)
               จ.นักร้อง(ที่ร้องเพลงไม่เป็น)
     ๒.๒๙.หัดใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา
     ๒.๓๐.ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงใดก็ตาม   ให้บอกผู้ใหญ่ว่า   การเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
     ๒.๓๑.ฝึกร้องเพลงคาราโอเกะให้คล่อง
     ๒.๓๒.รายชื่อหนังสือในดวงใจต้องเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเท่านั้น
     หมวดที่๓   ข้อปฏิบัติสำหรับคนวัยทำงาน
     ๓.๑. ทำงานน้อยๆ   เสนอหน้าต่อเจ้านายมากๆ
     ๓.๒. พยายามทำให้คนที่ทำงานเห็นว่า   เราเก่งคอมพิวเตอร์ และภาษาอังกฤษ
     ๓.๓. ถ้ามีเวลาว่าง   ให้หยิบเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเท่านั้น
     ๓.๔. ในช่วงพักผ่อนในวันหยุดยาวหลายวัน   ให้ไปเที่ยวต่างประเทศ   และเมื่อกลับมาแล้ว   ให้มาเล่าให้คนในที่ทำงานฟังทุกคน   รวมทั้งใส่ภาพลงใน'เฟสบุค'ของตัวเองด้วย
     ๓.๕. พยายามไต่เต้าไปให้ถึงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการให้ได้   เพราะจะมีนิตยสารดังๆมาขอสัมภาษณ์ลงหนังสือ(เขามักจะขอสัมภาษณ์เฉพาะผู้มีตำแหน่งสูงๆ)
     ๓.๖. จัดบ้านตัวเองให้ดูหรูหรา และดูมีรสนิยมวิไล   เพราะวันดีคืนดี อาจจะมีนิตยสารเกี่ยวกับบ้านมาขอถ่ายรูปบ้านไปลงในนิตยสาร และขอสัมภาษณ์เจ้าของบ้านด้วย
     ๓.๗. หัดทำกับข้าวสูตรพิเศษเฉพาะของตัวเอง   และควรเป็นอาหารฝรั่ง   เพราะจะได้ดูเท่เวลาที่มีนิตยสารดังๆมาขอสัมภาษณ์  เพื่อเอาสูตรไปลงในนิตยสาร
     ๓.๘. ไปถ่ายรูปตัวเองที่สตูดิโอที่ทำให้รูปออกมาดูสวยหรือหล่อกว่าตัวจริง
     ๓.๙. ใช้สมุดบันทึก หรือออแกไนเซอร์ราคาแพงๆ
     ๓.๑๐.ต้องพูดได้อย่างน้อย ๒ ภาษา
     ๓.๑๑.ต้องมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค หรือแทบเบล็ต เป็นของตัวเอง   และใช้มันบ่อยๆ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนมากๆ
     ๓.๑๒.ใช้ talking dictionary เท่านั้น
     ๓.๑๓.รับประทานอาหารในร้านอาหารหรูๆย่านสุขุมวิท และเพลินจิต   หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในฟูตเซ็นเตอร์ตามห้างสรรพสินค้า   และเมื่อรับประทานเสร็จแล้ว   ก็ให้ไปนั่งฟังเพลงต่อที่ผับ หรือเต้นรำต่อที่ดิสโกเท็ค   แล้วจบลงด้วยข้าวต้มมื้อดึก
     ๓.๑๔.อยู่คอนโดมีเนียมจะดูเท่กว่าอยู่บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์
     ๓.๑๕.สะสมเฉพาะข้าวของที่มีราคาแพง   เช่น   อัญมณี   รถยนต์   นาฬิกา   เป็นต้น
     ๓.๑๖.ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส   ไม่ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง
     ๓.๑๗.ไปวัดไม่เกินปีละ ๑ ครั้ง
     ๓.๑๘.ไม่ต้องเรียนรู้ หรือสนใจเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีไทย   มารยาทไทย   และศาสนา
     ๓.๑๙.สนุกสนานกับตลาดเปิดท้ายขายของ   รวมทั้งซุ้ม หรือกระบะสินค้าลดราคาในห้างสรรพสินค้า
     ๓.๒๐.มีวีรบุรุษในดวงใจ คือ บิล เกต หรือ สตีฟ จอบส์
     ๓.๒๑.พยายามทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่า จะเอาเงินมากมายไปทำอะไรกัน
     ๓.๒๒.นินทาลับหลังให้เคยชิน   หลีกเลี่ยงการพูดวิจารณ์ต่อหน้าบุคคล
     ๓.๒๓.จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต และหรูหรา
     ๓.๒๔.มีลูกแค่คนเดียว...หรืออย่างมากไม่เกิน ๒ คน
     ๓.๒๕.สามีแอบมีภรรยาน้อย
     ๓.๒๖.ภรรยาแอบมีชู้
     ๓.๒๗.ปฏิบัติตามข้อ ๑.๑.-๑.๑๘. กับลูกหลานของท่าน

     หมวดที่๔ ข้อปฏิบัติสำหรับบุคคลหลังเกษียณอายุ
     ๔.๑. เริ่มรู้สึกว่า   ตัวเองทำแต่เรื่องไร้สาระมาตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา
     ๔.๒. เริ่มรู้สึกว่า   เพื่อนแท้เป็นบุคคลที่หายาก
     ๔.๓. เริ่มรู้สึกว่า   เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้
     ๔.๔. เริ่มรู้สึกว่า   "เปลือก" หรือ"ภาพพจน์" เป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน
     ๔.๕. สอนลูกหลานว่า   อย่าทำตัวแบบตนเองในอดีต
     ๔.๖. สอนลูกหลานว่า   ตายไปแล้ว ก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้

     เมื่อคุณปฏิบัติตามแผนนี้ไปแล้วสักระยะหนึ่ง   คุณอาจจะเริ่มสงสัยว่า   เราคือใคร และมีจุดยืนอยู่ที่ไหนกันแน่?   ทำไมเราถึงต้องทำตามแผนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกบังคับให้ทำสักหน่อย   เรากลัวอะไรหรือเปล่า?...กลัวความรู้สึกที่ว่าจะไม่ถูกยอมรับในสังคมใช่หรือไม่?   แล้วเราเป็นตัวของเราเองอยู่หรือไม่?   ในที่สุด...ก็จะรู้ว่า   ตัวเราเองได้หายไปจากโลกนี้   และเหลือไว้เพียงแค่ "หุ่นยนต์" ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ใช้ชีวิตอย่างมีรูปแบบชีวิตที่เหมือนกันหมด   ไร้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง   ความเป็นมนุษย์ถูกลดลงจนเหลือเพียง"เครื่องจักร"ที่มีโปรแกรมสำเร็จรูปเหมือนกันหมด   ความหลากหลายในโลกนี้ได้เลือนหายไป   คุณชอบแบบนี้หรือไม่?   อย่างไรก็ตาม   มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกแนวทางชีวิตให้ตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนเลียนแบบ หรือทำตามผู้อื่น   ขอเพียงแค่มีความสุข และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็ถือว่าน่าจะเพียงพอแล้ว

                                                      ---------------------------------