วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

การใช้ชีวิตอย่างสมดุลในวิถีทางของข้าพเจ้า

     สวัสดีครับ    ท่านผู้อ่านทุกท่าน   ในโอกาสนี้   ผมมีสิ่งที่น่าสนใจมานำเสนอต่อท่านครับ   จุดเริ่มต้นของสิ่งนี้ก็คือ   "ความทุกข์" อันเกิดจากการใช้ชีวิตในแบบที่ใครๆเขาชอบทำกัน   คนส่วนใหญ่ในสังคมมักจะมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่คล้ายๆกัน   ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากกลุ่มคนวัยทำงานทั้งหลาย   วิถีชีวิตของคนกลุ่มนี้ช่างเป็นวัฏจักรที่วนเวียนซ้ำซากอย่างชัดเจน   ตื่นเช้า-เดินทาง-ทำงาน-กินข้าว-ทำงาน-เดินทาง-กินข้าว-เหนื่อยจัง-นอนหลับ-แล้วก็ตื่นเช้า...ชัดเจนไหมครับ?   นั่นคือวันทำงาน   แล้ววันหยุดล่ะครับ   ตื่นสาย-นอนต่อ-ตื่นอีกที-ไปเดินชอปปิ้ง-กินข้าว-ดูหนัง-กินข้าว-ฟังเพลง-เที่ยวกลางคืน-ดูโทรทัศน์-นอนหลับ-แล้วก็ตื่นสาย...   เห็นไหมครับ?   นั่นคือ วัฏจักรชีวิตของคนทำงานโดยทั่วไป   พิจารณาดูแล้ว   จะเห็นว่าเราได้ทำแค่บางสิ่งบางอย่างเท่านั้นเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ   และสุดท้าย...วันนั้นก็หมดไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทุกที   บางครั้ง   เราก็เผลอทำบางสิ่งบางอย่างจนไม่เหลือเวลาให้กับสิ่งสำคัญอีกหลายอย่าง   เช่น   ครอบครัว   สุขภาพ   เพื่อนฝูง   การช่วยเหลือสังคม   การดูแลรักษาบ้าน   ความสุขจากการทำงานอดิเรก   การเรียนรู้ในด้านอื่นๆของชีวิต   ตลอดจนการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตวิญญาณของตนเอง   เป็นต้น
     ในครั้งนี้   ผมขอถือโอกาสมาชักชวนท่านผู้อ่านเพื่อทำบางสิ่งให้น้อยลง   และทำบางสิ่งบ้าง   รวมทั้งทำบางสิ่งบางอย่างให้มากขึ้น   ซึ่งจะทำให้ท่านมีความสุขมากขึ้น   มีความทุกข์น้อยลง   รวมทั้งมีชีวิตที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายน้อยลง   และสงบสุขมากขึ้น   ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้   ล้วนเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ   แต่กลับได้รับน้อยมาก   ผมคิดว่า   เงินทอง   ชื่อเสียง   และอำนาจ   คงไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเสมอไปหรอกครับ
     สิ่งที่ผมจะบอกท่านในวันนี้   เป็นสิ่งที่ผมคิดจะทำ   และบางสิ่งก็ได้ทำไปแล้ว   ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ชีวิตของผมและครอบครัว   เข้าสู่ "สภาวะสมดุลของชีวิต" ซึ่งผมได้ให้นิยามของคำคำนี้ว่า "รูปแบบการใช้ชีวิตที่ทำให้เรามีความสุขสงบอย่างแท้จริง"   หรือกล่าวโดยรวมคือ "มีชีวิตที่ดี" นั่นเอง
     สำหรับเนื้อหาในข้อเขียนทั้งหมดนี้   เป็นเพียงข้อเสนอสำหรับให้ท่านลองพิจารณาดูครับ   ส่วนท่านจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็นานาจิตตังครับ
     ๑. ตื่นนอนตอนตี๕ทุกวัน   มีหลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง   ซึ่งเป็นเพราะว่าคนเรามีหลายบทบาทและหน้าที่   เราต้องเป็นเจ้านายของลูกน้องในที่ทำงาน   เป็นลูกน้องของผู้บังคับบัญชา   เป็นผู้ให้บริการของลูกค้า   เป็นสามีภรรยาของคู่ชีวิต   เป็นพ่อแม่ของลูก   เป็นลูกของพ่อแม่เรา   เป็นพลเมืองของประเทศชาติ   แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราหลงลืมไป   ก็คือ   เราต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีต่อตัวเราเองด้วยครับ   อย่างน้อยก็ให้เวลากับตัวเองสักวันละ ๑ ชั่วโมง   เพื่อทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ   จะเป็นช่วงเวลาใดของวันก็ได้ครับ   สำหรับผมแล้ว   มักจะใช้เวลาในช่วง ๕.๐๐น. ถึง ๖.๐๐น. นั่งอ่านหนังสือที่อยากอ่าน   นั่งสมาธิ   ฟังเพลงที่อยากฟัง   เขียนหนังสือ   เป็นต้น   นอกจากนั้น   ยังมีช่วงเวลาที่น่าสนใจอีกช่วงหนึ่ง   คือ   ช่วงเวลาหลังจากที่ทุกคนในบ้านนอนหลับกันหมดแล้ว   ซึ่งสำหรับผมแล้ว   ก็ได้ใช้เวลาในช่วงนี้บ้างเหมือนกัน   แต่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานในช่วงกลางวันมักจะทำให้เผลอหลับไปก่อนอยู่บ่อยครั้ง
     ๒. ออกกำลังกายตอนเช้าสัก ๑๕-๓๐ นาที ก่อนไปทำงาน    สมัยนี้   ใครๆก็รู้กันหมดแล้วครับว่า   สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ   ขอเพียงเราสละเวลาแค่เพียงวันละ ๑๕-๓๐ นาที เพื่อส่งเสริมสุขภาพของเราด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก(เช่น   ว่ายน้ำ   เดิน   วิ่ง   ขี่จักรยาน   เต้นแอโรบิก   เป็นต้น)อย่างต่อเนื่อง   สัปดาละ ๓-๔ วัน   ก็จะช่วยลดโอกาสของการเป็นโรคหัวใจลงไปได้มากเลยครับ   นอกจากนั้น   เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับข้อ๑.ด้วยครับ   ตรงที่เป็นการจัดเวลาให้กับตัวเองสักวันละ ๑๕-๓๐ นาที   การออกกำลังกายจะทำให้ท่านสดชื่น   กระฉับกระเฉง   อารมณ์ดี   และทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์   รวมทั้งเกิดความคิดในแง่บวกด้วยครับ
     ๓. รับประทานอาหารเช้าทุกวัน   หลายคนบอกว่า   ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว   แต่ความเป็นจริงก็คือ   คนเราไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้ากันเลยครับ   บางคนดื่มกาแฟถ้วยเดียวแล้วไปทำงาน   คุณคงรู้นะครับว่า   กาแฟเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อกระเพาะอาหาร   คุณคงเคยเห็นหลายคนที่ดื่มกาแฟแล้วปวดท้องนะครับ   นอกจากนั้นยังมีอีกหลายคนที่ดื่มนมเพียงแก้วเดียวแล้วไปทำงาน   ซึ่งตามหลักสุขภาพแล้ว   อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด   คนทำงานอย่างเราๆท่านๆต้องใช้พลังงานจากสารอาหารมื้อเช้าเป็นหลัก   ผมขอเชิญชวนให้ท่านหันมารับประทานอาหารเช้าที่ไม่ใช่นม หรือกาแฟแต่เพียงอย่างเดียวกันเถอะครับ
     ๔. ใช้เวลา ๑๕ นาทีแรกในที่ทำงานสำหรับวางแผนว่าจะทำสิ่งใดบ้างในวันนั้น   ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่หลายๆท่านคงรู้สึกคุ้นเคยอยู่แล้วครับ   หนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการบริหารได้กล่าวถึงประเด็นนี้บ่อยๆ   การวางแผนที่ดีนั้น   ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมาย   แต่กลับทำให้ประหยัดเวลาในการทำชิ้นงานจริงๆได้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว   และเมื่อท่านใช้เวลาในงานแต่ละชิ้นน้อยลงแล้ว   ปัญหาเรื่องการทำงานไม่ทันก็จะน้อยลงไปด้วยเป็นเงาตามตัว
     ๕. เลือกทำงานที่สำคัญที่สุด   เร่งด่วนที่สุด   และยากที่สุดก่อน   ประเด็นนี้ก็ปรากฏอยู่ในหนังสือเกี่ยวกับการบริหารหลายๆเล่มเหมือนกัน   ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ขัดกับความเคยชินของหลายๆคนที่มักจะเลือกทำงานที่ง่ายที่สุด   และสำคัญน้อยที่สุดก่อน   แต่น่าเสียดาย   ที่มีข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า   ผู้บริหารขององค์กรส่วนใหญ่   มักจะประเมินคุณภาพลูกน้องของตนโดยดูจากความรวดเร็วในการทำงานชิ้นสำคัญที่สุด   และยากที่สุดให้เสร็จลุล่วงอย่างมีคุณภาพ  
     ๖. รับประทานอาหารกลางวันเวลา ๑๑.๐๐น.   หรือ   ๑๓.๐๐น.   คนส่วนใหญ่มักจะรับประทานอาหารมื้อกลางวันในช่วงเวลาระหว่าง ๑๑.๓๐น.-๑๒.๓๐น.   คุณลองนึกดูสิครับ   บรรยากาศโรงอาหารในที่ทำงานของคุณในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันกว่าๆที่เต็มไปด้วยคนเกือบทั้งหมดในบริษัท   มาแออัดยัดเยียดเหมือนปลากระป๋อง   ต่างคนต่างก็แย่งกันซื้ออาหาร   ไม่ค่อยจะเข้าแถวต่อคิวกันสักเท่าไหร่   โต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหารก็ไม่ค่อยจะพอ   ซึ่งถ้าคุณชอบบรรยากาศแบบนี้แล้วละก็...มันคงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคุณ
     แต่สำหรับผมแล้ว   ผมชอบซื้ออาหารโดยไม่ต้องเบียดเสียด   ไม่ต้องแย่งกันซื้อ   แล้วก็ค่อยๆเดินมารับประทานอาหารอย่างสบายอารมณ์   ไม่ใช่มัวแต่เที่ยวมาเดินหาเก้าอี้นั่ง   แล้วก็พบแต่เก้าอี้ที่มี"กระดาษทิชชูแค่ ๑ แผ่นเล็กๆ"วางอยู่   อันเป็นสัญญลักษณ์แห่งการ"จอง(เก้าอี้)แล้ว"   และเท่าที่ผมคิดได้ก็คือ   เราไม่ควรรับประทารอาหารในช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เขารับประทารกัน   อย่างไรก็ตาม   คุณต้องคำนึงถึงกฎระเบียบของที่ทำงานของคุณด้วย   เช่น   บริษัทบางแห่งอนุญาตให้พนักงานออกมารับประทานอาหารกลางวันเฉพาะในช่วงเวลา   ๑๒.๐๐น.-๑๓.๐๐น. เท่านั้น   ซึ่งถ้ากฎระเบียบได้กำหนดได้เช่นนี้แล้ว   เราก็ยังมีทางเลือกอื่นๆอีก   ดังที่จะเห็นในข้อต่อไปครับ
     ๗. เลือกรับประทานอาหารในร้านที่คนไม่แย่งกันซื้อ   หรือร้านที่มีคนต่อคิวซื้อไม่ยาว   วิธีนี้ใช้สำหรับในกรณีที่เราไม่สามารถใช้วิธีในข้อ ๖. ได้   ในประเด็นนี้   ผมกล้าพูดได้ว่า   โรงอาหารในที่ทำงานของคุณมักจะมีร้านอาหารอย่างน้อย ๑-๒ ร้านที่ไม่ค่อยจะมีลูกค้าไปอุดหนุน   ซึ่งคุณคงต้องยอมรับว่า   ร้านแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะทำอาหารที่มีรสชาติไม่ค่อยถูกใจลูกค้า   แต่ถ้าคุณต้องการจะลดความยุ่งยากในชีวิตลงแล้วละก็   คุณคงต้องเลือกร้านแบบนี้   และซื้ออาหารใส่ถุงกลับไปรับประทานในห้องรับประทานอาหารในที่ทำงานของคุณ   สำหรับผมนั้นใช้ทั้งวิธีในข้อ ๖. และข้อนี้มาตลอดครับ
     ๘. ห่อข้าวจากบ้านมารับประทานในที่ทำงาน   สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำตามวิธีในข้อ ๖. หรือ ๗.ได้นั้น   อาจเลือกใช้วิธีนี้ได้   โดยไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวเอง   เราสามารถซื้อข้าวแกงจากร้านอาหารใกล้บ้านที่เปิดตอนเช้าๆได้   เพียงแต่ว่ารสชาติอาจจะไม่ค่อยอร่อย   ถ้าที่ทำงานของคุณไม่มีเตาไมโครเวฟสำหรับอุ่นอาหาร
     ๙. งีบหลับ หรือนั่งสมาธิสัก ๑๕ นาทีในช่วงพักเที่ยง   หลังจากที่คุณใช้งานร่างกายและสมองมาได้ ๓-๔ ชั่วโมงแล้ว   ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนบ้าง   มีหลายๆประเทศส่งเสริมให้พนักงานบริษัทนอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลาพักเที่ยง   เพราะจะช่วยให้เกิดความสดชื่นแจ่มใส   มีความกระตือรือร้น   และเกิดความคิดสร้างสรรค์   ซึ่งทำให้เกิดผลงานที่มีคุณภาพมากกว่า   เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มพนักงานที่ไม่ได้พักผ่อน
     ๑๐.ดื่มน้ำบ่อยๆระหว่างทำงาน   น้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น   กระปรี้กระเปร่า   ช่วยลดความร้อน   และขับถ่ายของเสียในร่างกาย
     ๑๑.เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆระหว่างการทำงาน   การเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆจะช่วยป้องกันการอักเสบของกล้ามเนื้อ   และเส้นเอ็นในบริเวณต่างๆทั่วร่างกาย   การพักสายตาบ่อยๆในงานที่ต้องนั่งจ้องมองคอมพิวเตอร์นานๆ   ยังช่วยลดความเมื่อยล้า   และอาการปวดศีรษะอันเกิดจากการใช้สายตามากๆได้
     ๑๒.ลาพักผ่อน   หรือลากิจสัก ๑ วันเพื่อทำกิจธุระส่วนตัว   หรือของครอบครัวหลายๆอย่าง   เพื่อให้เราไม่ต้องไปเบียดบังเอาเวลาในที่ทำงานไปใช้ทำธุระส่วนตัว   ซึ่งในแต่ละวันนั้นก็มีเวลาแค่น้อยนิดอยู่แล้ว   โดยเฉพาะช่วงเวลาพักเที่ยงที่ควรใช้สำหรับพักผ่อน   หรือรับประทานอาหารเสียมากกว่า   คุณอาจจะรวมธุระหลายๆอย่างมาไว้ในวันเดียวกัน   แล้วใช้สิทธิวันลาของคุณทำธุระเหล่านั้น   เช่น   เอารถไปตรวจเช็ค หรือซ่อมที่อู่   ทำธุระที่ธนาคาร   ส่งพัสดุที่ที่ทำการไปรษณีย์   ชำระหนี้บัตรเครดิต   ซื้อของใช้ในบ้าน   เอาเครื่องไฟฟ้าไปซ่อม   ติดต่อที่ว่าการอำเภอ   ชำระค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์   เป็นต้น   นอกจากนี้   ผมขอแนะนำให้เลือกวันลาที่เหมาะสมด้วย   ดังนี้
     ๑๒.๑. สำหรับการนำรถไปตรวจเช็ค หรือซ่อม   ให้พยายามหลีกเลี่ยงวันจันทร์ หรือวันที่ต่อจากวันหยุดนักขัตฤกษ์   เพราะในวันดังกล่าวจะมีลูกค้ามาใช้บริการที่อู่เป็นจำนวนมาก
     ๑๒.๒. สำหรับธุระที่ธนาคาร   หรือที่ทำการไปรษณีย์   ควรหลีกเลี่ยงช่วงวันที่ ๑-๕ ของแต่ละเดือน   เพราะในวันดังกล่าวจะมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
     ๑๓.ใช้เวลา ๑๕ นาทีสุดท้ายของช่วงเวลาทำงานในการวางแผนว่าวันต่อไปจะทำอะไรบ้าง   ด้วยการสละเวลาวางแผนแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น   มักจะช่วยให้วันต่อไปของคุณนั้นง่ายขึ้น   คุณจะใช้เวลาในการทำงานแต่ละชิ้นในวันต่อไปน้อยลงหลายเท่าตัว   ช่วยลดความตึงเครียดจากการทำงานลงไปได้มาก
     ๑๔. เลือกที่ทำงานใกล้บ้าน   จะเป็นเรื่องดีมากๆเลย   ถ้าคุณมีที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน   ยิ่งถ้าคุณสามารถเดิน หรือขี่จักรยานไปทำงานได้ด้วยแล้ว   ก็ยิ่งดี   เพราะจะช่วยลดทั้งความเหนื่อยล้า   ค่าใช้จ่าย   เวลา   และความตึงเครียด   ที่เกิดจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี   หลายคนอาจบอกว่าคงเป็นไปได้ยาก   เอาแค่การหางานทำให้ได้ก็เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว   และยังต้องหาที่ทำงานให้ใกล้บ้านเข้าไปอีก   แล้วมันจะไม่ยากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวหรือ?   ใช่ครับ...ผมเข้าใจว่ายากมาก   แต่ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกครับ   ถ้าเราเป็นคนที่ยืดหยุ่น   ไม่เลือกงานมากจนเกินไป   เราก็สามารถทำเรื่องนี้ได้ครับ
     ๑๕.ย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน   ถ้าคุณได้พยายามทำในข้อ ๑๔. แล้วไม่สำเร็จ   ก็คงต้องหันมาลองใช้วิธีนี้กันดูหน่อย   ในเมื่อคุณได้งานทำแล้ว   แต่ที่ทำงานอยู่ไกลบ้านมาก   คุณก็คงต้องย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน   แล้วอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าคุณจะต้องขายบ้านหลังเดิมที่คุณรักทิ้งไปนะครับ   ถ้าคุณชอบบ้านหลังเดิมอยู่แล้ว   คุณอาจต้องตัดสินใจว่าจะไปเช่าหอพักที่อยู่ใกล้ที่ทำงานหรือไม่   สำหรับคนที่เป็นโสดนั้นคงไม่ยาก   ถ้าพอสู้กับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเช่าหอพัก   แต่สำหรับคนที่มีครอบครัวแล้ว   คงต้องมานั่งคิดกันว่า   สามี หรือภรรยาของคุณทำงานที่ไหน   และลูกๆของคุณเรียนที่ไหน   สำหรับตัวผมและภรรยานั้น   บ้านของเราอยู่ห่างจากที่ทำงานแค่ ๕ นาทีโดยการเดินครับ
     ๑๖.เลือกรับเงินเดือนในวันที่ ๑๕ ของแต่ละเดือน   ผมคิดว่าข้อนี้ยากกว่าข้อ ๑๔.และ ๑๕.เสียอีก   คุณเคยรู้จักบริษัท   หรือหน่วยงานราชการใดบ้างครับที่จ่ายเงินเดือนให้พนักงานในวันที่ ๑๐   หรือ๑๕   หรือ๒๐ ของแต่ละเดือน?   ยากมากๆเลยครับ   แต่ถ้าคุณหาเจอนะครับ   คุณจะได้ประโยชน์มากเลยครับ   ดังต่อไปนี้
     ๑๖.๑. คุณไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนในห้างสรรพสินค้าในช่วงต้นเดือน   เนื่องจากเป็นธรรมดาของมนุษย์เงินเดือนที่จะต้องรับเงินเดือนใน ๓ วันสุดท้ายของแต่ละเดือน   จากนั้นก็จะรีบมาจับจ่ายซื้อของกันในช่วง ๓-๔ วันแรกของต้นเดือนถัดมา   ดังที่มีบางคนเปรียบเปรยว่าเป็น "เศรษฐีต้นเดือน" นั่นเอง
     ๑๖.๒. คุณไม่ต้องไปยืนเข้าแถวยาวๆที่หน้าตู้เอทีเอ็มในช่วง ๓ วันสุดท้ายของเดือน   เพื่อรอกดเอทีเอ็มเอาเงินเดือนเหมือนผู้หิวโหย
     ๑๖.๓. คุณไม่ต้องไปรอคิวยาวที่ธนาคาร หรือที่ทำการไปรษณีย์ในช่วง ๓ วันแรกของแต่ละเดือน   ซึ่งเป็นผลมาจากเมื่อเราได้รับเงินเดือนแล้ว   เรามักจะต้องนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้รายเดือนต่างๆ   เช่น   หนี้บัตรเครดิต  ค่าโทรศัพท์   ค่าน้ำประปา   ค่าไฟฟ้า   ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน   เป็นต้น   นอกจากนั้นยังรวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆด้วย   เช่น   การส่งธนาณัติ   หรือโอนเงินให้พ่อแม่ หรือลูก   ส่งพัสดุไปรษณีย์ให้ญาติ   เป็นต้น
     ๑๗.ใช้บัตรเครดิตเพียงใบเดียว   และใช้เมื่อถึงคราวจำเป็นจริงๆ   ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตหลายใบ   แล้วยังชำระหนี้ไม่ครบ   เมื่อถึงกำหนดชำระเงิน   คุณก็ต้องมานั่งปวดหัวว่า   บัตรใบไหนมีวันปิดยอดคือวันที่เท่าไหร่   วันครบกำหนดชำระหนี้คือวันที่เท่าไหร่   ยังค้างชำระหนี้จากงวดก่อนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่   ได้ใช้จ่ายด้วยบัตรใบไหนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่แล้ว   นอกจากนั้น   ยังต้องมาดูว่า   บัตรแต่ละใบมีคะแนนสะสมจากการใช้จ่ายเท่าไหร่แล้ว   พอจะแลกของสมนาคุณอะไรได้บ้าง...หยุด!   พอได้แล้วครับ   เลิกมานั่งปวดหัวกันได้แล้วครับ   และอย่าไปจ้างเลขาฯส่วนตัวเพื่อดูแลแฉพาะเรื่องบัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ   กรุณาเลือกบัตรเครดิตมาสัก ๑ ใบเถอะครับ   โดยเป็นบัตรที่ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปี   และเป็นบัตรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายกว้างขวาง   แล้วยกเลิกบัตรที่เหลือทั้งหมด
     ๑๘.เลือกเวลาทำงานอยู่ในช่วง ๗.๐๐น.-๑๕.๐๐น.   หรือ   ๑๐.๐๐น.-๑๘.๐๐น.   ในกรณีที่คุณไม่สามารถทำตามข้อ ๑๔. และ ๑๕.ได้   ข้อนี้ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่อยากออกจากบ้าน   และกลับบ้านในเวลาเดียวกันกับคนทั้งเมือง   ทั้งจังหวัด...และทั้งประเทศ   การที่คนทั้งเมืองทำอะไรๆเหมือนกันหมด   ก็มักจะทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา   เช่น   แย่งกันขึ้นรถเมล์   แย่งกันขึ้นรถแท็กซี่   เอารถส่วนตัวมาสร้างความแออัดในท้องถนน และเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน   เป็นต้น   ใครๆก็เบื่อรถติดครับ   ปัญหารถติดเป็นปัญหาที่คนเมืองใหญ่บ่นมากที่สุดปัญหาหนึ่ง   ถ้าคุณไม่อยากเจอรถติด   คุณก็ต้องออกจากบ้าน และกลับบ้านในเวลาที่คนอื่นๆเขาไม่ใช้กัน   นั่นก็คือ   ถ้าไม่ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดแล้วละก็   คงต้องออกจากบ้านตอนสายๆไปเลย   และถ้าไม่กลับบ้านเร็ว   ก็ให้กลับค่ำไปเลย   อย่างไรก็ตาม   ประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า   ที่ทำงานของคุณจะมีการยืดหยุ่นเรื่องช่วงเวลาทำงานได้บ้างหรือไม่   ถ้าคุณเป็นข้าราชการ   ก็คงหมดสิทธิที่จะคิดถึงเรื่องนี้   ผมก็เป็นข้าราชการคนหนึ่งเหมือนกันครับ   ผมก็เลยไม่สามารถทำตามข้อนี้ได้
     ๑๙.เลือกวันหยุดทำงานที่ไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์   คุณลองนึกถึงวันพักร้อนของคุณ   สมมุติว่าเป็นวันจันทร์   คุณไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากมาย(เพราะวันจันทร์เป็นวันทำงานของคนส่วนใหญ่)   คุณไปดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยเลือกที่นั่งได้ตามที่คุณต้องการ   ไม่ต้องทนรำคาญผู้คนที่ไร้มารยาทที่ชอบคุยกัน   หรือรับโทรศัพท์ในโรงภาพยนตร์    แล้วก็...ทั้งโรงภาพยนตร์มีผู้ชมอยู่ไม่ถึง ๑๐ คน(เพราะเป็นเวลาทำงานของคนส่วนใหญ่)   คุณไปเล่นกีฬา   ไปว่ายน้ำ   และที่สระว่ายน้ำมีคุณว่ายน้ำอยู่เพียงคนเดียว   ว่ายน้ำได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องกลัวว่าจะว่ายไปชนคนอื่น   โอ้โห!   มันช่างเป็นชีวิตที่สุดยอดใช่ไหมครับ   แต่สำหรับข้าราชการอย่างผมนั้นไม่มีโอกาสทำตามข้อนี้ได้เลย   นอกเสียจากว่าต้องใช้สิทธิวันลาพักผ่อน   แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนที่ให้อิสระแก่พนักงานค่อนข้างมากแล้ว   เรื่องนี้ก็พอเป็นไปได้ครับ
     ๒๐.ทำธุรกิจส่วนตัว   ถ้าคุณต้องการที่จะทำได้ทั้งข้อ ๑๔-๑๙ ทั้งหมดเลยนั้น   คุณคงต้องทำธุรกิจส่วนตัวครับ   หลายคนบอกว่า   การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นต้องใช้เงินลงทุนมาก   และมีความเสี่ยงสูง   ใช่ครับ...ธุรกิจส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นครับ   แต่ก็ยังมีธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่   ทำรายได้สูงและมั่นคง   มีความเสี่ยงน้อยมาก   และไม่ต้องลงทุนสูง   นั่นคือ  ธุรกิจเครือข่าย 
     ๒๑.ขอให้ญาติผู้ใหญ่ช่วยเลี้ยงลูกของคุณในช่วงกลางวัน   ถ้าครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวขนาดใหญ่(มีปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา)   ก็คงต้องขอให้ญาติผู้ใหญ่เหล่านั้น   ช่วยดูแลลูกของคุณในช่วงกลางวันของวันทำงาน   และคุณรับผิดชอบในช่วงเวลานอกเหนือจากนั้น
     ๒๒.ใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไว้ใจได้   ถ้าครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวขนาดเล็ก(มีแค่พ่อแม่ลูก)   อีกทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่   วิธีที่เป็นไปได้   คือ  ให้ลูกของคุณได้รับการดูแลโดยสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่   ซึ่งคุณควรจะปรึกษาญาติ   เพื่อนบ้าน   เพื่อนที่ทำงาน   ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งใดบ้างที่มีคุณภาพ และปลอดภัย   ไม่มีปัญหาเด็กถูกพี่เลี้ยงทำร้าย   ไม่มีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุ   เป็นต้น
     ๒๓.พ่อแม่ต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง   สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก   ถ้าคุณยังไม่ไว้ใจสถานรับเลี้ยงเด็กแล้ว    พ่อ หรือแม่คงต้องลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงดูลูกเองในช่วงกลางวัน   ส่วนคนที่ยังคงทำงานอยู่อีกคนก็คงต้องช่วยเลี้ยงดูลูกในช่วงกลางคืนด้วย
     ๒๔.พ่อแม่ผลัดกันเลี้ยงดูลูกในช่วงตอนเย็น และกลางคืน   หลายสิ่งหลายอย่างจะง่ายขึ้น   เมื่อลูกของคุณเข้าเรียนในโรงเรียนแล้ว   เพียงแต่ว่าพ่อกับแม่ต้องแบ่งงานกันให้ดีๆ   เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
     ๒๕.เลือกให้ลูกของคุณเรียนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน   เหตุผลของข้อนี้จะคล้ายกับข้อ ๑๔ และ ๑๕   พ่อแม่หลายคนจะเป็นห่วงเรื่องคุณภาพของโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย   แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้นครับ   ผมคิดว่า   อนาคตทางหน้าที่การงานของลูก   ขึ้นอยู่กับคุณภาพในการเลี้ยงดูของพ่อแม่ในช่วงวัยเด็ก และวัยรุ่นครับ   ผมได้พบเห็นพ่อแม่ที่ทำตัวเป็น "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน" ที่มัวแต่ทำงาน...ทำงาน   และทำงาน   ไม่มีเวลาให้กับลูกอย่างเพียงพอ   สามารถส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพสูง   แต่พอลูกเรียนจบออกมาแล้วเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ   นิสัยเสีย  และไปสร้างปัญหาสังคมอีกมากมาย   ซึ่งพ่อแม่นั่นแหละครับที่ควรพิจารณาคุณภาพของตัวเอง
     ๒๖.อนุญาตให้ลูกดูโทรทัศน์ไม่เกินวันละ ๑ ชั่วโมง โดยมีพ่อแม่นั่งดูอยู่ด้วย   โทรทัศน์มักส่งผ่านข้อมูลที่ไม่ดีมาให้เด็กมากมาย   เช่น   ความโลภ   ความฟุ้งเฟ้อ   ความเกียจคร้าน   ความรุนแรง   ความอิจฉาริษยา   เป็นต้น       พ่อแม่ควรจะพิจารณาเลือกรายการโทรทัศน์ที่มีการส่งผ่านแต่เฉพาะข้อมูลที่ดีๆมาให้เด็ก   และคอยแนะนำให้เด็กรับรู้และเข้าใจ   ว่าข้อมูลใดเป็นข้อมูลที่ไม่ดี และไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง   นอกจากนั้น   การจำกัดเวลาดูโทรทัศน์ จะช่วยให้เด็กนำเวลาที่เหลืออยู่ไปทำกิจกรรมอื่นๆที่มีประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง
     ๒๗.พ่อแม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กับลูกอย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมงทุกวัน   พ่อแม่ควรเล่นกับลูกอย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง   เพื่อให้เกิดสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่ลูก   สำหรับเด็กโตนั้น ก็ให้พ่อแม่หาโอกาสพูดคุยถามทุกข์สุขกับลูกทุกวัน   เพื่อทำให้ลูกเกิดความเชื่อมั่น และไว้วางใจในตัวพ่อแม่   เผื่อว่าเมื่อลูกมีปัญหาหนักใจอะไรขึ้นมา   จะได้กล้าเอ่ยปากบอก หรือปรึกษาพ่อแม่ได้
     ๒๘.เลือกใช้รถยนต์ยี่ห้อที่มีคนใช้มากที่สุด   เนื่องจากรถยนต์ยี่ห้อที่มีคนใช้มากที่สุดนั้น   จะหาอะไหล่ง่ายกว่า   ค่าซ่อมบำรุงถูกกว่า   รวมทั้งมีศูนย์บริการมากกว่าด้วยครับ
     ๒๙.ขับรถให้ช้าลง   ไม่มีเรื่องใดที่ทำให้คุณต้องรีบจริงๆหรอกครับ   นอกเสียจากว่า   ในรถของคุณมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาล...   การขับรถให้ช้าลงมีประโยชน์หลายประการดังนี้
     ๒๙.๑.ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง หรือแก๊สเชื้อเพลิง
     ๒๙.๒.ทำให้คนขับรถและผู้โดยสารรู้สึกตึงเครียดน้อยลง   ถ้าคุณไม่เชื่อละก็...ขอให้คุณลองขับรถด้วยความเร็วสักประมาณ ๑๖๐-๑๘๐ กิโลเมตร/ชั่วโมงดู   แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่า...นรกกำลังรอคุณอยู่ข้างหน้า
     ๒๙.๓.ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
     ๒๙.๔.ช่วยฝึกให้ผู้ขับขี่รถยนต์รู้จักการบริหารเวลาให้ดี   เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรีบร้อนในการเดินทางไปให้ทันกำหนดนัดหมายจนเกินไป  
     ๒๙.๕.ช่วยให้ไม่ต้องถูกตำรวจจับเนื่องจากขับรถเร็วเกินกำหนด
     ๒๙.๖.ทำให้มีเวลาได้ชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม ๒ ข้างทางในขณะที่ขับรถผ่านไป
     ๓๐.นำรถยนต์เข้าตรวจเช็คสภาพตามระยะเลขไมล์ที่คู่มือการใช้รถกำหนดโดยตลอด   การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น   โดยเฉพาะในกรณีที่รถของคุณมีปัญหาอันเป็นผลมาจากการดูแลรักษาไม่เพียงพอ
     ๓๑.ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น ๑ ทุกปี   การทำเช่นนี้จะช่วยลดความยุ่งยากในชีวิตลง   โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง หรือคู่กรณีได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
     ๓๒.สมัครใช้บริการซ่อมรถฉุกเฉินตลอด ๒๔ ชั่วโมง   วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาชีพที่ต้องเดินทางไกลในต่างจังหวัดบ่อยๆ
     ๓๓.ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างคุ้มค่า   อย่างน้อยก็ควรใช้ให้คุ้มค่าตามอายุการใช้งานของเครื่องแต่ละรุ่น(ประมาณ ๓-๕ ปี)   ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามแฟชั่นจนต้องเปลื่ยนเครื่องกันทุก ๓-๖ เดือน
     ๓๔.ดูโทรทัศน์วันละไม่เกิน ๑ ชั่วโมง   นอกจากการคอยดูแลให้ลูกๆของคุณดูโทรทัศน์ไม่เกินวันละ ๑ ชั่วโมงแล้ว   ตัวของคุณเองก็ต้องเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆของคุณด้วยนะครับ   คุณควรเลือกดูเฉพาะรายการที่ชอบ และอยากดูจริงๆ   แล้วเอาเวลาที่ได้มากขึ้นจากการดูโทรทัศน์น้อยลงไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว
     ๓๕.อ่านหนังสือพิมพ์ไม่เกินวันละ ๑ ชั่วโมง   หลักการและเหตุผลก็เหมือนข้อ ๓๔.ครับ
     ๓๖.ทำประกันชีวิตให้ตัวเองอย่างน้อย ๑ ฉบับ   เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน   เช่น   อุบัติเหตุ   โรคร้าย   ความพิการ   หรือ   แม้กระทั่งการเสียชีวิต   นอกจากนี้   การทำประกันชีวิตยังนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลได้อีกด้วย
     ๓๗.ทำกับข้าวรับประทานเองวันละ ๑ มื้อ   วิธีนี้ให้ประโยชน์หลายประการดังนี้
     ๓๗.๑.อย่างน้อย...คุณก็ได้รับผงชูรส   สารเคมี   ยาฆ่าแมลง   รวมทั้งสารก่อมะเร็งที่อาจเจือปนอยู่ในอาหารน้อยลง ๓๐ เปอร์เซ็นต์
     ๓๗.๒.การช่วยกันทำกับข้าว   เป็นการสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในครอบครับ   ช่วยให้ครอบครัวอบอุ่นมากขึ้น
     ๓๗.๓.เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการซื้ออาหารนอกบ้านมารับประทาน
     ๓๘.เลือกอยู่อาศัยในบ้านที่มีขนาดพอเหมาะกับจำนวนผู้อยู่อาศัย   วิธีนี้ให้ประโยชน์ดังนี้
     ๓๘.๑.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา   และซ่อมบำรุงบ้าน
     ๓๘.๒.ช่วยลดเวลา และความยุ่งยากในการทำความสะอาดบ้าน
     ๓๙.ใช้บริการห้องสมุดประชาชน   ร้านหนังสือเช่า   ร้านเช่าดีวีดี   วิธีนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อหนังสือ และดีวีดี
     ๔๐.ฟังวิทยุจากสถานีวิทยุ   วิธีนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อซีดีเพลง   แต่สำหรับตัวผมนั้น   การฟังเพลงตามสถานีวิทยุมีข้อเสียหลายประการ   ได้แก่
     ๔๐.๑.ไม่ค่อยได้ฟังเพลงที่เราอยากฟังจริงๆ
     ๔๐.๒.ต้องทนฟังโฆษณาเยอะมาก(ไม่มีใครอยากฟังโฆษณาหรอกครับ)
     ๔๐.๓.ดีเจในรายการวิทยุส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเปิดเพลง   มัวแต่พูดๆๆแล้วก็ชวนผู้ฟังเล่นเกมส์ไร้สาระ  
     ดังนั้น   ผมจึงเลือกซื้อซีดีเพลงแทนการฟังรายการวิทยุ
     ๔๑.ไม่ซื้อของเงินผ่อน(ยกเว้นบ้าน และรถยนต์)   เนื่องจากการซื้อของเงินผ่อนจะทำให้เกิดหนี้สินที่จัดอยู่ในประเภท"หนี้ที่เลว"   แต่ความเป็นจริงแล้ว   หนี้ที่ดีก็ยังมีอยู่   เพียงแต่ว่าในที่นี้ไม่เหมาะที่จะต้องมานั่งอธิบายความหมายของหนี้ทั้ง ๒ ประเภท แนะนำให้ท่านผู้อ่านศึกษาความหมายของหนี้ทั้ง ๒ ประเภทจากหนังสือ"พ่อรวยสอนลูก"ที่เขียนโดยโรเบิร์ต คิโยซากิ
     ๔๒.รับประทานอาหารในร้านอาหารนอกบ้านเดือนละ ๒ ครั้ง   ซึ่งถือว่าไม่มาก และไม่น้อยเกินไป   ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และรสชาติของอาหารบ้าง 
     ๔๓.พยายามคบหาเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ   ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินและการลงทุน   รถยนต์   คอมพิวเตอร์   การแพทย์   กฎหมาย และภาษีอากร   งานก่อสร้าง   ไฟฟ้า   ประปา   เป็นต้น   จะช่วยให้คุณมีที่ปรึกษาที่ดี และไว้ใจได้   เพื่อที่คุณจะได้ไม่โดนหลอกลวง หรือหาผลประโยชน์จากคนชั่วที่แฝงอยู่ในวงการเหล่านี้
     ๔๔.อ่านหนังสือธรรมะวันละ ๑๕ นาที   ช่วยให้จิตใจสงบมากขึ้น   คลายความตึงเครียด   และเข้าใจในชีวิตมากขึ้น
     ๔๕.เลิกสูบบุหรี่ และเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ทุกชนิด   คุณจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเลิกซื้อสิ่งเหล่านี้ลงได้มาก   อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากบุหรี่ และสุราได้อีกมากมาย
     ๔๖.หลีกเลี่ยงการไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์   แต่ถ้าคุณยังยืนยันที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลเหล่านี้แล้ว   คุณคงจะต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่าจะต้องเจอกับ...
     ๔๖.๑.อุบัติเหตุทางท้องถนนจะมากขึ้นอย่างชัดเจน   และคุณอาจจะไม่ได้กลับบ้านอีกเลยถ้า...(คุณคงเข้าใจนะครับ)
     ๔๖.๒.ค่าเช่าห้องในโรงแรม หรือรีสอร์ทจะแพงกว่าปกติมาก
     ๔๖.๓.รถติดมากขึ้นในต่างจังหวัด   แม้กระทั่งในเขตทางหลวง
     ๔๖.๔.สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะไม่สงบ และเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกหนวกหูจากกลุ่มคนที่ไม่มีมารยาท   ทำให้คุณเที่ยวไม่สนุก
     ๔๖.๕.คุณจะได้พบเจอกับนักท่องเที่ยวขี้เหล้าเมายาที่ก่อความรำคาญให้คุณไม่เว้นในแต่ละวัน
     ๔๖.๖.การแก่งแย่งจะมากขึ้น   และรุนแรงขึ้น   ทั้งในส่วนของที่พัก   อาหาร   หรือแม้กระทั่งที่จอดรถ
     ๔๖.๗.อาชญากรรมจะมากขึ้นทั้งลักทรัพย์   ทะเลาะวิวาท   ข่มขืน   ฆ่า   เป็นต้น
     ๔๗.ลาพักผ่อนเพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัดในวันธรรมดา   ถ้าคุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนในต่างจังหวัด   ผมขอแนะนำให้คุณลาพักผ่อนสัก ๓-๗ วัน   ในช่วงวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์   แล้วคุณจะรู้ว่ามันเป็นการเที่ยวที่สนุก   และมีความสุขมากกว่ากันเยอะเลย(ถ้าไม่เชื่อ...ก็ลองกลับไปอ่านข้อ ๔๖ อีกทีก็แล้วกัน)
     ๔๘.หาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้บ้านสำหรับการเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด   วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่เหนื่อยในการเดินทาง  ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปจากการเดินทางและค่าที่พัก   สถานที่ท่องเที่ยวที่ขอแนะนำ   ได้แก่
     ๔๘.๑.สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติในจังหวัดที่ท่านอยู่   หรือในจังหวัดใกล้เคียง   เช่น   ทะเล   ภูเขา   น้ำตก   เป็นต้น
     ๔๘.๒.สวนสาธารณะ
     ๔๘.๓.สนามกีฬาในท้องถิ่น
     ๔๘.๔.วัดวาอาราม
     ๔๘.๕.พิพิธภัณฑ์ในท้องถิ่น
     หมายเหตุ   กรุณาอย่าจำกัดชีวิตครอบครัวของคุณให้อยู่แต่กับการนอนดูโทรทัศน์   การเดินห้างสรรพสินค้า   การรับประทานอาหารในร้านอาหารหรูๆ หรือร้านอาหารเฟรนไชส์   และการดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เลยครับ
     ๔๙.เที่ยวในเมืองไทย    ถ้าท่านไม่ได้เป็นเศรษฐี   ก็โปรดเที่ยวในประเทศไทยเถิดครับ   เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า   และเงินตราไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ
     ๕๐.เป็นตัวของตัวเองดีกว่า   ความเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากครับ   ผมเคยพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเอาอกเอาใจคนอื่น   และหวังว่าจะให้คนมารักมาชอบเรามากๆ   ซึงนั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด   ความเสแสร้งจะทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นไปอีก   และผู้คนที่อยู่ใกล้คุณจะได้รับพลังแห่งความเสแสร้งเหล่านั้นจากคุณ   ซึ่งจะทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกอึดอัด และไม่อยากเข้าใกล้คุณ   จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่าครับ   สบายใจกว่า   อึดอัดใจน้อยกว่า   เครียดน้อยกว่า   และมีความสุขมากกว่าครับ  
     เป็นอย่างไรกันบ้างครับ   สำหรับสิ่งที่ท่านได้อ่านไปแล้วนั้นเป็นเพียงความคิดเห็น   และแนวทางในมุมมองส่วนตัวของผมเท่านั้น   ส่วนท่านผู้อ่านจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรนั้น   คงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่านครับ   แต่อย่างน้อย   การเดินทางไปสู่ชีวิตที่สมดุลมากขึ้น   เรียบง่ายมากขึ้น   และยุ่งยากซับซ้อนน้อยลง   น่าจะเป็นหนทางหนึ่งในการที่จะนำเราไปสู่ความสุขได้...จริงไหมครับ